Apr 30, 2015

JAPAN 2015 // Day 2 - Sapporo Snow Festival 2015

#08.02.2015

คุณผู้ชายปลุกแต่เช้า คนนี้เวลาไปเที่ยวเค้าจะเป็นสไตล์ ตื่นเช้า นอนเร็ว
จากโรงแรมเราก็ออกเดินอีกครั้ง ไปตลาดปลา Nijo





มาถึงแต่เช้า ยังไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ เดินวนดูรอบนึงก่อน

แล้วก็เลือกร้านที่อยู่ข้างในตลาด เลือกแบบไม่มีข้อมูลอะไรเลย แค่ดูว่าคนเยอะดี
และส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่น ฮ่าๆๆๆๆ
พนักงานในร้านก็ตอนรับขับสู้มากๆ ตอนแรกเอาเมนูญี่ปุ่นมาให้ คงเห็นเรางงๆ
เลยไปเปลี่ยนเอาเมนูภาษาอังกฤษมาให้ มีถามด้วยนะว่าเรามาจากประเทศอะไร เป็นกันเองมากๆ



ถูกใจ uni lover อย่างเรามาก อย่างอื่นก็อร่อยนะ เช่น กุ้งหวาน




รูปนี้พนักงานที่ร้านถ่ายให้ เค้าเห็นเราผลัดกันถ่าย ก็เดินมาถามเลยว่าถ่ายให้มั๊ย

สรุปว่าร้านนี้ประทับใจมากๆ



รูปหน้าร้าน หาไม่อยาก ตลาดเล็กนิดเดียว อยู่ข้างในตลาด ไม่ได้อยู่ติดถนน


กินอิ่มแล้วก็ออกมาเดินเล่นต่ออีกหน่อย มีพวกหอยเม่นย่างขายหลายร้านเลย

จัดการสอยมาซักร้านนึง (ขนาดอิ่มตื้อแล้ว แต่ยังอยากกินอีก)



อันนี้จืดไปหน่อย แทบไม่มีกลิ่นเลย เราชอบแบบมัดๆมีกลิ่นนิดนึงมากกว่า


จบจากตลาดแล้วเราก็ไปเดินแถวงาน Snow Festival กัน ที่ Odori Site




เพิ่งจะได้เจอพื้นหิมะดำๆสกปรกๆ แฉะๆอีกตะหาก 
จะว่าไปมันก็ไม่ได้ขาวสวยงามอย่างที่คิดไว้ทั้งหมดอ่ะนะ



ไฮไลท์ของงานวันนี้ คนมามุงตรงนี้เยอะเพราะมีดาร์ธเวเดอร์ตัวจริงมาด้วย!!!



มีรายการมาถ่ายทำ ดาร์ธเวเดอร์เค้าก็เนียนสมบทบาทดีนะ ทำเสียงเหมือนมาก
ทุกคนแถวนั้นขำกันใหญ่เลย ฮ่าๆๆๆๆ



อันนี้เราไม่รู้จักนะ แต่คุณผู้ชายรู้จัก บอกดังมากเลยนะเธอ
ก็น่าจะจริงของเค้านะ มันมีร้านขายของฝากเป็นตัวนี้อ่ะ คนต่อแถวยาวเป็นหางว่าวเลย





โอลาฟก็มาจ้า



ปีนี้ประเทศไทยเราก็ยังครองแชมป์เหมือนเดิมนะ ภูมิใจจัง

งานเค้าจัดที่ให้เดินวนเป็นตัวยู ก็คือเดินชมไปได้เรื่อยๆ ไม่ต้องสวนกะใคร
ทางก็ค่อนข้างยาวนะ แล้วพื้นเป็นหิมะ พอดีว่ารองเท้าเราพื้นมันบาง
ปรากฏว่าเย็นฝ่าเท้ามาก เย็นจบเจ็บจะเดินไม่ไหวเอา
ก็เลยแว๊บออกไป 7-11 แถวนั้น ตอนแรกกะว่าจะซื้อที่อื่นๆมาแปะเท้าพักซักหน่อย
แต่เจอว่า เฮ้ย มันมีแบบที่สำหรับใส่ในรองเท้าเลย เอาไว้แปะกะถุงเท้า คือดีมาก
ซื้อมา 2 คู่ แกะแปะเลย ตอนแรกมันจะยังไม่อุ่นมาก
ก็เดินๆถูๆเท้าไปซักพัก มันก็ค่อยๆอุ่นขึ้นมา อาห์ ฟินนนนนน 55555


คุณผู้ชายแอบถ่ายระหว่างจัดระเบียบหมวก ที่หนาวมากจริงๆอีกส่วนก็คือหูนะ

ต้องคอยดึกหมวกมาปิดหู เสื้อก้อมีฮู้ด ฮู้ดมันก็คอยจะดึงหมวกไหมพรมหลุด

แล้วในงานก้อจะมีซุ้มร้านอาหาร กะร้านที่ระลึก ขายเป็นช่วงๆ

เหมาะมากที่จะหลบไปหาอะไรกินอุ่นๆ
(ในเต้นท์สำหรับยืนกินจะมีฮีทเตอร์เปิดไว้ให้ด้วย)





อันนี้นึกว่าเป็นขาปู กินเข้าไป โถ แป้งทั้งดุ้น (= =)



หอยสังข์ย่างซอส อร่อยมาก



ระหว่างนี้ฝนก็ตกปรอยๆ ฝนจริงๆไม่ใช่หิมะ ตอนที่ไปยืนฟังเค้ามอบรางวัล
ก็ยังมีการพูดว่า น่าเสียดายที่ช่วงวันนี้อุณหภูมิสูงขึ้น เลยทำให้หิมะแกะสลักหลายอันพังลงมา
แล้วก็ยังมีฝนตกเพิ่มเข้ามาอีก แต่ทั้งนี้คนที่ทำก็พยายามช่วยกันซ่อมแซมนะ
ก็น่าเห็นใจอยู่ ของไทยตรงแขนที่โหนตุ๊กตุ๊กก็ดูเหมือนใกล้จะหักเหมือนกัน

พอสุดท้ายแล้ว อย่างที่บอกว่ามันวนเป็นตัวยู เดินไปออกตรงทางเข้าได้

แต่เราเลือกแว๊บออกไปตรงนี้เลย มันมีสถานีให้ขึ้นเหมือนกัน



ออกมาหาอะไรกินกันตรงตรองราเมง จริงๆก็ไม่ได้ไกลนะ แค่สถานีเดียวเอง

กินเสร็จก็เดินกลับไปตรงงานต่อ เพราะจะไปขึ้น Sapporo TV Tower กัน
คุณผู้ชายอยากจะไปถ่ายรูปตอนพระอาทิตย์ตก แล้วทีนี้ก็กลัวว่าคนจะเยอะ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาคือ เวลาไปจุดไหนที่เป็นจุดชมวิวตอนพระอาทิตย์ตก
คนจะมหาศาลมาก ถ้าไปช้านี่คืออด ไม่สามารถจะแทรกตัวเข้าไปถ่ายได้
ก็แก้ปัญหาโดยการไปลงทุนยืนรอตั้งแต่ไก่โห่นี่แหละ (T__T)



นี่คือกลับไปเปลี่ยนเสื้อกันหนาวที่โรงแรมมาด้วย เพราะตัวที่ใส่มาตั้งแต่เช้ามันไม่ค่อยกันน้ำ




อยู่บนนี้หลายชั่วโมงเลยล่ะ จากที่ไม่มีคนก็จนคนเยอะมากกกกกกกกกกก

ยืนเบียดกันอยู่ตรงด้านที่หันไปทางงานหิมะ
คือทุกคนก็ยืนกันตรงๆเบียดๆกัน หารูเอากล้องไปส่องๆถ่ายรูป
ใครถ่ายแล้วก็ขยับๆหนีบ้างให้คนอื่นถ่าย
เราเองไม่ได้คิดจะถ่าย ถอยหลังไปยืนรอคุณผู้ชายที่โดนอัดก๊อปปี้ติดกระจกอยู่

แล้วก้อเจอว่า มีคนจีนสองคน ญ ช มีอายุพอสมควรแล้วล่ะนะ

ยืนแบบ ยืนพักแขนโก่งตูดอ่ะ กระจกมันเอียงไปข้างบน มีโครงเหล็กระดับเอวกั้นอยู่
แล้วก็ยืนโก้งโข้ง โน้มตัวไปข้างหน้า ไม่ได้ยืนติดกระจกนะ
แล้วก็พักแขน คุยกันหนุงหนิงสองคน
ในขณะที่คนอื่นเค้ายืนแบบเบียด พยายามจะกินพื้นที่ยืนให้น้อยสุด
แล้วคนที่ยืนข้างหลังสองคนนี้ เค้าก็จะโชกๆ จะพยายามจะเข้าไปใกล้ๆกระจก
ก็ไม่สามารถทำได้ ติดตูดสองคนนี้ที่ยื่นอยู่
เราเห็นลุงญี่ปุ่นคนนึงพยายามจะเบียดๆให้สองคนนี้ยืนตรงๆ
เค้าก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ยืนอยู่ท่านั้นท่ามกลางผู้คนมากๆ เกือบๆตรงกลางเลย
คนข้างหลังนี่คงก่นด่ากันใหญ่ ฟังไม่ออกหรอกนะ แต่ดูจากสีหน้านี่เดาได้เลย

คุณผู้ชายหลังจากถ่ายเสร็จก็ผ่านฟันด่านคนมุงออกมา เหงื่อแตกเลย ฮ่าๆ

แล้วเราก็ลงจาก Tower กัน ไปหาอะไรกิน
มื้อนี้ขอกินขาปูบุฟเฟ่ต์ เปิด google map เดินหากัน เกือบไม่เจอ
เพราะมันอยู่ในตึกไม่ได้มีป้ายติดบอกไว้ ต้องไปถามพี่ยามแถวนั้นเอา

ร้าน えびかに合戦 札幌本店.


เมนู แนะนำว่ามาถึงแล้วเราต้องเลือกแบบแพงสุด ซึ่งเอาจิงๆแล้วไม่จำเป็นเล๊ยยยยยย

ที่เพิ่มมาก็พวก ซูชิหน้าเทมปูระ ไข่ตุ๋นไรงี้ ไม่กินก็ได้อ่ะ





ขาปูใหญ่มาก แต่เสียว่ามันเย็น ที่นี่เค้าไม่มีแบบย่างให้

ถามว่าอร่อยมั๊ย อืม...ตอบยาก เราว่ามันโอเค แต่มันน่าจะอร่อยได้มากกว่านี้อีก
คือต่ำกว่าที่คาดไว้นิดนึง คุณผู้ชายบอกว่าคราวหลังกินแบบไม่บุฟเฟ่ต์ดีกว่า
เพราะเหมือนจะได้ของที่คุณภาพดีกว่านี้ อันนี้มันเหมือนกินเอาปริมาณ รสชาติธรรมดาไป

กินปูกันอิ่มแล้วก็เดินกลับที่พักเอา (ทริปนี้เดินซะเยอะเลย)

แวะ Family Mart ซื้อของกินติดกลับไปด้วย ของเวฟที่นี่อร่อยสุดยอดเลย ประทับใจ
กินเรียบแบบไม่ทันถ่ายรูป อร่อยกว่าขาปูอี๊ก 5555555

Apr 28, 2015

JAPAN 2015 // Day 1 - First Time SNOW

#07.02.2015

เราบินกันไฟลท์ดึก ออกจากดอนเมือง 11:45PM ถึงนาริตะ 08:00AM
รอบนี้ก็เลยไม่ได้สั่งข้าวเอาไว้ กะนอนยาว
แต่เอาจริงๆก็ไม่ค่อยหลับหรอก เพราะที่นั่งก็ค่อนข้างแคบ
ตอนใกล้ๆจะถึง ก็ตื่นมาชื่นชมฟูจิซังรอบนึง

ถึงนาริตะจริงๆ 07:00AM เร็วกว่ากำหนดการณ์ 1 ชั่วโมง
เนื่องจากช่วงฤดูนี้ มีลมส่งท้าย ทำให้ถึงเร็วขึ้น (กัปตันบอกมา)
ลงเครื่องได้ เราก็รีบจ้ำๆๆๆๆเดินตรงไปตม.เลย
ปรากกว่าตรง ตม. แถวยาวมากจ้า ยาวมากกกกก นี่ขนาดเช้าๆนะ
ขดกันเป็นงูไม่รู้กี่รอบ ยืนจนเมื่อยขา

พอถึงคิวเรา ก็ผ่าน ตม. ได้ปกติ ไม่ถงไม่ถามเรื่องสุขภาพกันซ๊ากคำ ฮ่าๆ
แพลนวันนี้ของเราคือ บินไปลง Sapporo ต่อ
(TAAX กับ Vanilla Air อยู่ที่ Terminal 2 เหมือนกัน)
ไฟลท์เรา ออกจากนาริตะ 12:50 ไปถึงซัปโปโร 14:35 
ออกจากตม.นี่คือยังไม่ 9 โมง มีเวลาเหลือเฟือ
เราก็ไปรับ pocket wifi มาก่อน เปิดเครื่องลองใช้ โอเคใช้ได้
แล้วก็ออกจาก Terminal 2 ขึ้น bus ไปลง Terminal 1
ไม่ใช่อะไร ร้านอาหารที่ดูไว้มันอยู่ Terminal 1 ฮ่าๆๆๆๆ

ข้อมูลจาก Tabelog












ตอนแรกก็ชิลๆนะ เดินกันมาเรื่อยๆเรียงๆ ปรากฏว่ามีคิวซะ คนเยอะเชียว
ร้านเล็กมาก ลากกระเป๋าเดินทางมาใหญ่ๆนี่คือรู้สึกผิดเลย
แต่พนักงานก็เก่งนะ สามารถจัดระเบียบทั้งคนมากิน ทั้งกระเป๋า ให้เข้าที่ได้




หาอะไรกินเสร็จแล้ว ก็เดินเล่น ไปดูตรงจุดชมเครื่องบิน
Observation Deck มีทั้ง 2 Terminal, Terminal 1 ชั้น 5, Terminal 2 ชั้น 4


อากาศโคตรหนาวเลย ตอนแรกใส่ Jacket Jean มาตัวเดียว เอาไม่อยู่
ต้องแงะกระเป๋าขุดเสื้อขนเป็ดมาใส่
ไม่อยากจะคิดว่าถ้าถึง Sapporo นี่มันจะหนาวขนาดไหน บรึ๋ย...

เดินเล่นสำรวจสนามบินกันอยู่พักนึง ได้เวลาสมควรเราก็กลับไป Terminal 2
Vanilla Air เค้าเปิด counter ให้ check-in 90 mins before departure คือเป๊ะมากนะ
เราไปถึงก่อนเวลาแป๊บนึง เค้าก็ปิดประตูไว้
เค้าจะเปิดเฉพาะเวลาจะให้ check-in ของแต่ละไฟลท์เท่านั้น ไม่ได้เปิดไว้ตลอด
(คือ counter เค้าอยู่ในซอก มีประตูบานเลื่อนปิดไว้ไม่ให้เห็นข้างใน)
พอใกล้ๆจะถึงเวลา พนักงานก็ทยอยๆมาเปิด มาจัดของ
90 นาทีเป๊ะ เริ่มคิวแรกได้ เป๊ะเว่อร์ 555555

จุดนี้ Check-in ได้ 2 ที่ คือ check ที่ counter หรือที่ตู้ kiosk 
เราเลือกที่ตู้ เพราะสะดวกดี ตู้ใช้ไม่ยาก ภาษาอังกฤษชัดเจน ขั้นตอนก็สั้นๆ
เนื่องจากขาไปเราซื้อแบบ packet hiso นิดนึง ก็เลือกที่นั่งมาล่วงหน้าแล้ว ไม่มีปัญหา
ปริ้น boarding pass จากตู้มาแล้ว ก็เดินไปจุด drop กระเป๋า แป๊บเดียวเสร็จ
เข้าไปนั่งรอขึ้นเครื่องสบายใจ จุดตรวจกระเป๋าอะไรก็อยู่ตรงนั้น เป็นสัดส่วนของเค้าเลย

  **ตอนนี้ทาง Vanilla Air ย้ายไปอยู่ Terminal 3 เรียบร้อยแล้ว
  **Conter น่าจะใหญ่โตอลังการขึ้นนะ ไม่น่าจะเล็กเหมือนลูกเมียน้อยแบบที่ Terminal 2


เข้าเขต Hokkaido แล้ว ตื่นเต้นมาก มองลงไปเหมือนมีน้ำตาลไอซิ่งโรยไปทั่ว
ถึงสนามบิน New Chitose แล้ว เราก็จัดการไปซื้อ Hokkaido Pass กะ Otaru welcome pass
ทีนี้กะว่า ก็เด๋วจะลองเลย รถไฟที่ต้องนั่ง ที่ต้องจอง หลักๆก็
Sapporo - Hakodate, Hakodate - New Chitose Airport
ตอนนี้ไม่ได้คิดอะไร ก็รอต่อคิวไป ไปถึงคิวปุ๊บเท่านั้นแหละ อาเพศเลย
ทุกเส้นที่เราจะจอง เต็มหมด เหลือแต่แบบ un-reserved seat เท่านั้น
คือไปเสี่ยงดวงเอาเองว่าจะได้นั่งหรือยืน (T____T)
คือ shock มากอ่ะ จองล่วงหน้า 3 วันก็เต็ม ขากลับก็เต็ม ขนาดล่วงหน้า 5 วันนะ
เส้นทางนี้มันเต็มตลอดเวลาจริงๆ ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เดินคอตกออกมา
ทีนี้ก็คุยกันว่าคงต้องลุ้นเอาแล้วล่ะ คือต้องรีบไปสถานีเพื่อไปดูว่าชานชลาอะไร
จะได้ไปต่อแถวรอแต่เนินๆ เพื่อที่จะมีที่นั่ง ก็โอเค ทำใจเผื่อไว้นิดนึง
เอาน่า อย่างมากก็ยืนแค่ 3 ชั่วโมงครึ่งเอง (T___T)


ส่วนตรง Otaru จองได้ ไม่มีปัญหา แต่เสียค่าจองเพิ่มอีกไม่กี่เยน
ขาไปได้ที่นั่งฝั่ง sea side ขากลับไม่เห็น ก็ไม่เป็นไร
เสร็จจาก pass ต่างๆ แล้วก็ออกมากดซื้อบัตรเติมเงิน Kitaca card
(จริงๆ Suica ก็ใช้ที่นี่ได้นะ แต่อยากซื้อ ฮ่าๆ)


จากนั้นก็มุ่งหน้าไปโรงแรมกันเลย เราไปลงที่ JR Sapporo
เนื่องจากโรงแรมมี free shuttle bus ระหว่างโรงแรมกับสถานี JR Sapporo
ตอนเดินออกจากสถานี JR คือจะได้ป๊ะกะหิมะเต็มๆเป็นครั้งแรก ตื่นเต้นมาก 5555


เอามือไปแตะๆจับๆ ปั้นๆ เหมือนน้ำแข็งไสเลย

ทีนี้ เดินไปถึงตรงที่จอดรถของโรงแรม ก็ไม่เห็นว่ามีของ Toyoko inn
คุณลุงของโรงแรมอื่นคงเห็นเราเงอะงะหันซ้ายหันขวา เลยเดินมาทำท่าจะเข้ามาช่วย
เราก็พุ่งเข้าไปถามเลยว่า Toyoko inn Susukino Minami รอตรงนี้รึป่าว
คุณลุงบอก ใช่แล้วๆ โคะโคะนิๆ (ที่นี่ๆ) เอานิ้วชี้ๆ แต่... รถเที่ยวแรกมาห้าโมงเย็นจ้า
ป๊าดดดดด นี่คือเห็นแล้วว่าเค้ามี time table ในเว็บ แต่คือคิดไปเองว่ามีทั้งวัน
เดินคอตกกลับมาในสถานี คือจริงๆก็ไปรถไฟใต้ดินเองได้นะ อีกประมาณ 2 สถานีเอง
แต่คุณผู้ชายขอเลือกเป็นฝากกระเป๋าแล้วไปเดินห้างกันดีกว่า อยากไปดู Uniqlo 555


ถือโอกาสกินราเมงประเดิมเลย บน ESTA มี Ramen Valley อยู่น่าลองหลายร้านมากๆ
แต่เราร้านเดียวก็จุกละ ชามใหญ่สุดๆ


ได้เวลาสมควรแล้ว ก็ออกไปรอรถ



ถึงโรงแรม จัดการ Check-in ยื่นบัตรสมาชิกให้เค้า ก็กรอกรายละเอียดตามขั้นตอน

บัตรสมาชิกเราก็จะใช้เป็น key card ด้วย (แล้วก็มีอีกอันให้มาด้วย)
ห้องก็เล็ก แต่ครบครัน ตาม Concept นะ เราว่าพักที่นี่ก็ดี
เพราะที่เครือได้มาตรฐานหมด ไม่ต้องไปลุ้นว่าจะดีเหมือนในรีวิวมั๊ย







เก็บของเสร็จ ก็ออกเที่ยวเลย เวลาไม่คอยท่านะ
วันนี้เราจะไปเดินที่ Site Susukino กัน เป็นจุดที่ทำน้ำแข็งแกะสลัก


ทักทายหิมะครั้งแรก อิอิ เดินไปก็ลื่นไป ใกล้ๆโรงแรมมี Family Mart


เราเลยแวะซื้อที่เกี่ยวรองเท้าที่เอาไว้เดินบนหิมะ อันนี้รองเท้าเราใส่ได้ (size 39)
แต่ของคุณผู้ชายใส่ไม่ได้ เกี่ยวไม่ถึง (size 42)

เดินแป๊บเดียวก็ถึง Susukino แล้ว ช่างแตกต่างกะแถวโรงแรมมาก
ทั้งๆที่ก็อยู่ห่างกันนิดเดียวเอง ย่านนี้คึกคักสุดๆๆ 





เดินกันจนทั่วแล้ว ก็ไปหาอะไรกินกัน คุณผู้ชายขอเลือกร้านปูที่เป็นแนวไฮโซนิดนึง แถวๆนั้น
ก็ตามนั้นฮะ ฟินกันไปตามระเบียบ



กินเสร็จ เดินกลับโรงแรมกัน นอกจากประหยัดแล้วยังช่วยย่อยด้วย ฮ่าๆๆๆ
แช่น้ำอุ่นที่โรงแรม ฟินอีกรอบ หัวถึงหมอน สลบเหมือนกันทั้งคู่เลยทีเดียว
จบวันแรกที่แสนจะหลากหลายรสชาติ :)

Apr 26, 2015

JAPAN 2015 // Day 0 - The Plan

ทริปนี้เริ่มจาก TAAX โปรเปิดตัวเส้นทาง กรุงเทพ(ดอนเมือง)-โตเกียว(นาริตะ)
โดยเปิดให้สมาชิก BIG ซื้อได้ก่อน
จุดนั้นยังไม่ทันวางแผนอะไรเลย ก็จัดมาก่อน
เข้าไปเล็งช่วงราคาโปร ก็แน่นอนช่วงฮิตๆอย่างซากุระ ราคาพุ่งอยู่แล้ว
จะมีราคาโปรก็ช่วงกุมภาพันธ์ เลยปิ๊งขึ้นมาว่า
เด๋วเราซื้อ domestic lowcost ไปเที่ยว Snow Festival ดีกว่า
ว่าแล้วก็จัดไป ช่วง 6-16 FEB 2015
(เนื่องจาก Snow Festival จะจัดช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์ทุกปี)
ได้มาในราคาคนละ 6,500 บาท (ซื้อช่วงๆกลางปี 2014)

HOTEL
พอได้ตั๋วหลักแล้ว ระหว่างรอโปร Tokyo-Sapporo เราก็มา(รีบ)จองโรงแรมต่อ
เพราะว่าช่วง Snow Festival เนี่ย มัน High Season ของที่นั้นมากๆ
ขนาดคนญี่ปุ่นเองก็ยังไปเที่ยวกันเต็ม เราก็ต้องรีบๆอ่ะนะ
โชคดีที่ตอนไปญี่ปุ่นคราวที่แล้ว ทำบัตรสมาชิก Toyoko inn มาเรียบร้อยแล้ว
ถ้าเป็นสมาชิก จะจองล่วงหน้าได้ถึง 6 เดือน ส่วนคนทั่วไป ได้ 3 เดือน
    **แต่จริงๆใน www.booking.com สามารถจองได้ล่วงหน้ากว่านั้นนะ
    **แค่ว่าถ้าจอง Toyoko ในเว็บนี้ จากโรงแรมเค้าจะกันวงเงินบัตรเครดิตไว้เต็มจำนวน

เราก็นับเลย พอถึง 6 เดือนก่อนหน้า รีบเข้าไปจอง
โอ้วแม่เจ้าาาาาา เต็มจ้า Toyoko สาขาที่เล็งไว้ สุดยอดมากๆ - -*
แต่ยังที่สาขาอื่นๆ ถึงแม้จะไม่ติดสถานีรถไฟเป๊ะๆ แต่ก็ยังสะดวกอยู่
ในที่สุดก็เลยได้มา Sapporo 3 คืน
ส่วนที่ Hakodate ไม่ได้จองของเครือนี้ เพราะมีที่อื่นดีกว่าถูกกว่า ก็สอยมา 2 คืน
แล้วก็ไปอุดหนุนเจ้าเดิม Toyoko ที่ Tokyo อีก 3 คืน
ส่วนคืนก่อนกลับ เนื่องจากเราบินเช้ามาก 8 โมงแหน่ะ
กลัวว่าจะตื่นเช้านั่งรถไฟมาไม่ทัน ก็เลยตัดสินใจนอนแถวๆสนามบินนี่แหละ อีก 1 คืน
สรุปโรงแรมก็เป็นตามนี้

Hotel (per 2 person)
07-10/02/0215 Hokkaido Sapporo Susukino Minami 23,328 Yen
10-12/02/2015 Hakodate Grand Hotel 11,200 Yen
12-15/02/2015 Toyoko Uguisudani Ekimae 24,829 Yen
15-16/02/2015 Narita Airport Rest House 7,400 Yen

PASS
พอดีโรงแรมแล้วก็ เออ เริ่มคิดใหม่ว่า
หรือเราจะบินไป แล้วนั่ง Shinkansen กลับโตเกียว มันก็ดูดีนะ
คิดไว้แค่นี้ แล้วก็รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จนในที่สุด ฟ้าก็ประทานโปรของ Vanilla Air มาจนได้
แต่ๆๆๆ วันที่โปรมา เราดันติดประชุมตึกอื่นอยู่ อยากจะกรีดร้องมากกกกกกก
น้องที่เค้าจะไปเหมือนกันรีบ Line มาบอกให้รีบกลับมาด่วน
ขนาดเราจ้ำๆๆรีบเดินกลับตึกเรา มันก็ไม่ทันซะแล้ว โฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
เหลือแค่ขา Sapporo-Tokyo ที่เป็นราคาโปร (4,800 เยน)
อีกขาราคาไม่โปร ก็ตัดใจ เออ ซื้อก็ได้ แต่ซื้อเป็น packet รวมโหลดกระเป๋าไปเลย
บวกราคาที่ขาไป Tokyo-Sapporo ขึ้นมาอีกหน่อย (11,200 เยน)

ทีนี้ JR 7 Days คงไม่ใช้ละ มาปรับแผนการเดินทางเล็กน้อย
สรุป Pass ที่คิดว่าจะใช้ ก็ประมาณนี้ แต่ไปซื้อที่ญี่ปุ่นเอา เพราะเงินเยนมันลงพอดี

Pass (per 1 person)
09/02/2015 Sapporo - Otaru Welcome pass 1,530 Yen
10-12/02/2015 Hokkaido Rail Pass 15,000 Yen
11/02/2015 Hakodate 1-day card 1,000 Yen

WIFI ROUTER
จบเรื่องตั๋ว โรงแรม pass แล้ว ต่อมาก็คือ Wifi Router
รอบนี้เราเปลี่ยนยี่ห้อ ไปใช้ของ japan-wireless.com
คุณผู้ชาย request มา ขอเป็นตัว 75Mbps LTE
เพราะติดใจตัว LTE ที่เกาหลี เลยอยากลองของญี่ปุ่นบ้าง
แล้วเจ้านี้ก็มีแถม Power Bank ให้ด้วย
ส่วนตอนคืนของ/รับของ ก็สามารถทำได้ที่ไปรษณีย์ในสนามบิน สะดวกมาก
วันสุดท้ายคืนก่อนเที่ยง ไม่คิดตังค์ด้วย
ก็จัดไปตลอดทริปเราก็ 9 วัน รวมราคาเป็น 6,650 เยน (รวมประกันแล้ว)
  **บริษัทเค้ามี warning มานิดหน่อยว่า ตัวนี้มี Limit speed ที่ 10G / month
  **แต่ถ้าเป็นตัว 3G 21Mbps อันนี้ Unlimit
  **คุณผู้ชายบอก เหลือๆสบายๆ ถ้าไม่เอาไปใช้ดู youtube ตลอดเวลา

PLAN
มาถึงขั้นตอนสุดท้าย วางแผนการเที่ยว (ซึ่งเวลาไปจริงๆนี่นอกแผนซะเยอะ)
พยายามใส่เข้าไปเยอะๆ เอาไว้เผื่อเลือกด้วย
ไม่งั้นเกิดที่เที่ยวไม่เป็นตามแผนขึ้นมา ก็ไม่อยากจะเคว้ง
ส่วนร้านอาหาร คราวที่แล้วเราตาม pantip.com ซะส่วนใหญ่
รอบนี้เราเปลี่ยนมาอาศัย Tabelog เป็นหลัก
เพราะคิดว่าไปลงเรียนภาษาญี่ปุ่นมานิดหน่อยแล้วน่าจะพอเอาตัวรอดได้
หากจะไปร้านที่ไม่มีเมนูภาษาอังกฤษดูบ้าง (มือพริ้วพอสมควรว่างั้น)

แผนคร่าวๆก็ตามนี้เลย ขีดฆ่านั่นคือใส่ไว้แต่ไม่ได้ไป
สีแดงก็คือไปแบบไม่ได้ใส่ในแพลน

06/02/2015
  • Bangkok - Tokyo (TAAX)

07/02/2015 (นอน Sapporo)
  • Tokyo - Sapporo (Vanilla Air)
  • Snow Festival Susukino site
  • Ramen Yokocho
  • Sapporo Kani Honke

08/02/2015 (นอน Sapporo)
  • Nijo Fish Market
  • Snow Festival Odori site
  • Chocolate Shiroi Koibito
  • Ramen Yokocho
  • Sapporo TV Tower
  • Mt.Moiwa
  • Snow Festival Odori site (Light up)
  • Ebikani (Buffet)

09/02/2015 (นอน Sapporo)
  • Hitsujigaoka Observation Hill
  • Otaru
  • Ise Zushi
  • Sushi Maruyama
  • Otasu Masazushi
  • Sapporo JR Observation T38
  • Sapporo Biru-en Jingisukan horu

10/02/2015 (นอน Hakodate)
  • Hakodate
  • Mt.Hakodate (Optional)
  • Goryokaku (Light up) (Optional)
  • Kanemori Red Brick Warehouse
  • Snaffles
  • Uni Murakami

11/02/2015 (นอน Hakodate)
  • Morning Market Asaichi (TABIJI)
  • Motomachi Park
  • Ajisai Ramen
  • Goryokaku
  • Gotoken Restaurant
  • Kanemori Red Brick Warehouse
  • Snaffles
  • Hakodate Botanical Garden
  • Mt.Hakodate
  • Goryokaku (Light up)
  • Clown Burger

12/02/2015 (นอน Tokyo)
  • Sapporo - Tokyo (Vanilla Air)
  • Doraemon
  • Ameyoko
  • Miuramisaki Kou
  • Kitayama Coffee Shop
  • Shinjuku
  • Tokyo Mentsu-dan

13/02/2015 (นอน Tokyo)
  • Ueno Park
  • Todai
  • Tokyo National Museum of Nature and Science 
  • Nezu Shrine
  • Sushi Zanmai
  • Ichiran Ramen
  • Fukirou no Mise (Owl Cafe)
  • Uma (dinner)

14/02/2015 (นอน Tokyo)
  • Rikugien Garden
  • Nezu Shrine
  • Mino-ka (Uma)
  • Harajuku
  • Shimokitazawa

15/02/2015 (นอน Tokyo)
  • Ginza (Itoya)
  • Shopping BIC Camera, Uniqlo, GU
  • Ameyoko
  • ร้านหอยย่าง

16/02/2015 (นอน Tokyo)
  • Tokyo - Bangkok (TAAX)