Jul 31, 2013

Dukan Attack Phase Day 1

31/07/2013

เริ่มทำ Dukan Diet ครั้งแรก ลองเข้าไปคำนวณระยะเวลาในแต่ละ Phase แล้ว
เราน้ำหนักปัจจุบัน 77kg (โดยประมาณ) อยากจะลดเหลือ 52kg
ต้องเริ่มที่ Attach phase 7 วัน
แต่อ่านๆดูแล้วอาจจะอันตรายไปหน่อย (= =) ก็เลยคิดว่าจะทำ phase นี้แค่ 5 วันพอ
แล้วจริงๆน้ำหนักที่แท้จริงของเราก็อยู่ที่ประมาณ 55kg จากที่ในเว็บบอก
หลังจากศึกษามาพักนึง ก็ได้ฤกษ์วันนี้แหละ
โชคดีที่คุณผู้ชายก็จะทำด้วย ก็เลยไม่ลำบากเท่าไหร่ (โบ้ยให้คุณผู้ชายทำของให้กินซะ อิอิ)
เผื่อเป็นการเตือนตัวเองด้วย ก็จะ update ลง blog ด้วยละกัน
(หากกินผิด เผื่อมีใครเห็นจะได้ช่วยเตือนด้วย กราบบบบ)

น้ำหนักชั่งตอนเช้า 76.4 kg

มื้อเช้า

  • ไข่ต้ม 2 ฟอง(จาก 7-11) กินไข่แดงไปแค่ครึ่งลูก (ปกติเป็นคนไม่ชอบกินไข่แดงอยู่แล้ว)
  • กาแฟ 1 แก้ว ใช้น้ำตาล kontrol 1 ซอง กับนมดัชมิล select ฝาขาว
มื้อกลางวัน
  • อกไก่อบ (ไก่ห้าดาว)
  • เต้าหู้สด กินกับซอสถั่วเหลืองโซเดียมต่ำ (แบ่งกันกินกะคุณผู้ชายคนละครึ่ง)
ของกินเล่น
  • เยลลี่ Jell-o 1 ถ้วย
  • นมดัชมิล 1 แก้ว
มื้อเย็น
  • แพนเค้กจาก oat bran (oat bran 1 1/2 ชต + ไข่ 1 ฟอง + นม 2 ชต คนเข้ากันแล้วทอดเลย)
  • เยลลี่ Jell-o 1 ถ้วย (จริงๆจะกินเส้นบุกเพิ่มแต่ขี้เกียจทำ)
ก่อนนอน
  • นมดัชมิล 1 แก้ว
จริงๆก็กินได้หลากหลายกว่านี้นะ อกไก่ก็มีแช่แข็งอยู่ แต่ขี้เกียจทำ
คุณผู้ชายมีงานดึกวันนี้ มื้อเย็นก็อดๆยากๆเลย เศร้า
แล้ว Oat bran นี้ บอกตรงว่ากินยากมาก เห็นคุณผู้ชายกินต้มกับนม กินได้ไงเนี่ย
เราเอามาทำแพนเค้กกิน ยังรู้ว่าแค่นคอเลย (เขียนไงหว่าคำนี้)
พรุ่งนี้กะว่าจะ adapt ทำข้าวต้ม จากสูตรของคุณจีน Jeban ซะหน่อยนะ




Jul 21, 2013

JAPAN2013 - 7th day // Superb oysters at Miyajima!!!

















ถึงจะนอน Hiroshima ก็ตาม แต่วันนี้ครึ่งเช้าก็ไม่ได้เที่ยว Hiroshima
แต่จะไป Kojima ที่ Okayama กัน
เพราะคุณผู้ชายเค้าอยากไปเดิน Jeans street
เป้าหมายคือการซื้อกางเกงยีนส์ยี่ห้อ Momotaro
นั่งชินคันเซ็นไปเหมือนเดิม อาหารเช้าก็คือเบนโตะปลาไหล
ของขึ้นชื่อของ Hiroshima (อร่อยมาก น้ำตาปริ่ม)

ที่ Jeans street ขอบอกเลยว่าพลาด(อีกละ)
ไม่รู้ว่าวันธรรมดาจะเงียบขนาดนี้ ร้านเปิดน้อยมาก
ถ้าใครจะมาแนะนำให้มาเสาร์ อาทิตย์ เลย วันธรรมดานี่ป่าช้าชัดๆ
แต่ก็โชคดีตรงที่ร้าน Momotaro เปิด (คุณผู้ชายเตรียมข้อมูลมาปึ่ก!!)
ซื้อของเสร็จก็หาอะไรกิน ร้าน Okonomi-yaki แถวนี้
ป้ายร้านยังเป็นผ้ายีนส์เลย เก๋มากๆ
เข้าไปแล้วก็อึ้งๆนิดนึง เพราะเมนูร้านไม่มีภาษาอังกฤษ
ก็จิ้มมั่วๆแล้ว แต่คุณผู้ชายนี่ ขาดทักษะการจิ้มมั่วอย่างสิ้นเชิง
เห็นว่ามีเลข 3 ในชื่อเมนู ก็ยังไปจิ้มเลือกอันนั้น
ปรากฏว่ามันเป็นยากิโซบะสำหรับ 3 คน!!! fail มากนะ

ตอนเที่ยงกลับมา Hiroshima เราจะไปเกาะ Miyajima กัน
จุดประสงค์คือเพื่อกินหอยนางรม!! ม่ายช่ายๆๆๆ ฮ่าๆๆ
เพื่อมาถ่ายรูปเสาโทโอริแดงกลางน้ำนั่นเอง
อากาศบนเกาะหนาวมาก หนาวสุดๆ
เดินตรงถนนที่มีของกินข้าวเยอะๆด้วยความเร็วต่ำกว่าทาก
เพราะแวะกินแทบจะทุกร้าน ฮ่าๆๆๆ
แต่หอยนางรมที่นี่สุดยอดจริงๆ ตัวใหญ่ แน่น อวบ มากกกกก
อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา พูดเลย ไม่เว่อร์ด้วย
อิ่มพุงกาง...

JAPAN 2013 - 6th day // Hiroshima, here we come!!!



















ตื่นมา check out ออกจากที่พัก ฝากกระเป๋าไว้ แล้วมุ่งหน้าสู่ Mt. Yoshino เลย
เป็นที่ที่คุณผู้ชายบอกว่าอยากไป
( http://www.japan-guide.com/e/e4150.html )
วิธีเดินทางก็ซับซ้อนเล็กน้อย ไม่สามารถใช้ JR Pass ได้ตลอดเส้นทาง
แต่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะเราศึกษามาจากเว็บ Hyperdia หมดแล้ว!!! ฮ่าๆๆ

ไปถึงต้องขอบอกเลยว่าผิดหวัง เพราะคนเยอะมากกกกกก
จากแผนการตอนแรกที่กะว่าจะขึ้นไปทางรถบัส
เดินลงมาตามเส้นทางชมวิว แล้วก็นั่งกระเช้ากลับ
เปลี่ยนเป็น นั่งกระเช้าขึ้นไป หาไรกินบนนั้น แล้วก็กลับลงมาเลย(ละกัน)

ร้านอาหารบนนั้น ก็คนเยอะมากๆเหมือนกัน
ตัดสินใจเลือกจากที่วางโชว์หน้าร้าน เพราะไม่ได้หาข้อมูลร้านมา
ปรากฏว่าร้านที่เข้าไป พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย เมนูก็ญี่ปุ่นล้วน
สั่งอาหารซะเมื่อยมือเลย ฮ่าๆๆๆ จริงๆไม่หรอก จิ้มไปที่เมนูมั่วๆเอา
ซึ่งอาหารก็อร่อยใช้ได้เลย แต่อย่าถามว่าร้านชื่ออะไร บอกตรงๆว่าอ่านไม่ออก

เสร็จแล้วก็นั่งกระเช้าลงมา วิวซากุระไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะยังบ้านไม่ค่อยเยอะ
สู้ที่โอซาก้าไม่ได้ แต่ถ้ามาช่วงบานเต็มๆคงสวยน่าดูเลย

ลงจาก Mt. Yoshino ก็กลับไปที่พัก เรากระเป๋าแล้วรีบไป Kyoto Sta. เลย
เพราะเราจองชินคันเซนไว้ไป Hiroshima วันนี้
ได้นั่งชินคันเซนครั้งแรก ตื่นเต้นกันใหญ่ ซื้อเบนโตะกันมาเพียบ ฮ่าๆๆๆ
ระหว่างทางก็ enjoy eating ไปตลอดทาง
ระยะเวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง ก็ไม่นานมาก
ไปถึง Hiroshima หนาวมากกกกก หนาวโคตรรรรรรร
หนาวจนต้องไปหาซื้อถุงมือเลย ไม่งั้นไม่อยู่ เดินมือแข็งโป๊ก จับกล้องไม่ได้
ที่พักคืนนี้คือ Toyoko Inn เราสมัครสมาชิกไว้เลยเพราะสมัครฟรี
(สมาชิกจะได้ส่วนลด พัก 5 คืน แถม 1 คืนไรงี้)
(ใครไปพักก็แนะนำให้สมัครสมาชิกไปเลย ไหนๆก็ฟรีอยู่แล้ว)

ออกไปเดินเล่นในเมืองนิดหน่อย
ใน Hiroshima ใช้การเดินทางโดยรถรางเป็นหลัก
ตอนแรกคิดว่าจะเป็นรถรางเก่าๆไม่เร็วมากเหมือนที่ฮ่องกงไรงี้
ปรากฏว่ารถรางพี่ทั่นไฮเทคซะ อย่างก๊ะรถไฟ BTS ไรงี้
ไม่น่าประเมินประเทศนี้ต่ำไปนะ โง่จริงเรา ฮ่าๆๆๆ

ก่อนกลับโรงแรม ไว้หาอะไรกินนิดหน่อย
และแวะซุปเปอร์ก่อนกลับตามระเบียบ(อีกแล้ววว)

Jul 17, 2013

Eraser Stamp





มีรุ่นพี่คนนึงแกะยางลบแล้วโพสรูปใน facebook
เห็นแล้วก็รู้สึกอยากลองทำบ้าง แต่ช่วงนั้นยังไม่มีเวลาว่าง (ข้ออ้างชัดๆ)
จนช่วงนี้รู้สึกว่าอยากทำจริงๆละ ฮ่าๆๆๆ
ก็เลยไปเดินหาซื้อสิ่ว อุปกรณ์ที่คิด(ไปเอง)ว่าสำคัญสุด
ไปเดินทั่วทั้ง B2S เลย ปรากฏว่าไม่มีขาย ฮือๆๆๆ
ลองไปดูที่ Paragon มีซะงั้น

ได้สิ่วแล้วก็สบายใจ ไปกว้านซื้อยางลบ หมึกปั๊ม กะกระดาษไขมา
แล้วก็ซื้อหนังสือแกะยางลบภาษาไทยกะภาษาญี่ปุ่นมา
พออุปกรณ์พร้อมก็เริ่มเลย
แกะอันแรกยังไม่ค่อยสวย เพราะว่าแกะแบบไร้ทิศทางมาก
จนได้ดูคลิปการแกะ ถึงแบบ เฮ้ย มันต้องอย่างงี้
เลยได้น้องหัวแอปเปิ้ลมา ที่ดูเป็นรูปเป็นร่างอันแรก
แต่... ต้นแบบมันมีตาจมูกปากครบ ซึ่งของที่เราแกะนั้น
เราลงมือหนักจนหลุดหมดอ่ะ ใบหน้าน้องแอ๊ป ฮือๆๆๆๆ

ตอนนี้เริ่มดีขึ้นละ แกะวันละ 2-3 อัน แล้วแต่อารมณ์
แล้วก็สั่งซื้อยางลบที่เอาไว้แกะโดยเฉพาะ จากร้านไดโซะ
(เด๋วนี้เค้ามีเว็บซื้อของ online แล้วนะ เพิ่งรู้เลยเนี่ย www.daisoeshop.com)
อยากได้มาเร็วๆจัง >w<



Jul 11, 2013

Swiss sheep farm





Swiss sheep farm เพชรบุรี เพิ่งเคยไปครั้งแรก
เป็นเหมือนที่ที่ทำมาเพื่อให้คนมาเดินถ่ายรูป มากกว่าจะเป็น farm จริงๆนะ
แกะในนั้นก็ดูสุขภาพไม่ค่อยดี (แต่ก็มีตัวที่สุขภาพดีเหมือนกัน)
พื้นที่เล็กๆ เดินแป๊บเดียวก็หมดละ
ค่าเข้า 50 บาท (แต่เก๊าเข้าฟรี มีคนจ่ายให้ คิคิ)

Jul 2, 2013

JAPAN 2013 - 5th day // enjoy eating in Kyoto



































ตื่นมา check out แต่เช้า หอบ backpack ใบใหญ่ขึ้นรถไฟไป Kyoto
วันนี้เปลี่ยนที่นอน ไปนอน Guesthouse Jalan-do
(http://www.booking.com/hotel/jp/jalan-do.en.html)
เป็นการนอนรวมครั้งแรก ตื่นเต้น ฮ่าๆๆๆ (แต่แยก ช ญ นะ)

ถึง Guesthouse ยังมีพาเดินแนะนำ แล้วก็ให้ฝากกระเป๋าก่อน
เพราะจะ check-in ได้ก็ตั้งแต่บ่ายสามเป็นต้นไป

เราก็มุ่งหน้าไป fushimi inari shrine เลย
เอาตามแพลน(อีกละ)มีหลายที่มาก วัดน้ำใส วัดทอง ไรงี้
เพราะ Kyoto มีที่เที่ยวเยอะมากจริงๆ คิดแล้วก็น่าจะนอนนี่หลายๆคืนเน๊อะ

เดินๆๆๆๆขึ้นไปๆๆๆๆๆ จนคิดว่า เอ๊ะ หรือคุณผู้ชายเค้าจะเดินจนสุดทางนะ (ม่ายยย)
ตอนแรกวันนี้ก็อากาศร้อนนะ แต่ยิ่งเดินขึ้นไปก็ยิ่งหนาวขึ้น
จนรู้สึกเหนื่อยละ คุณผู้ชายก็บอกว่า โอเค ลงกัน อ้อมกันไปอีกทาง เหมือนจะหลงด้วยเหอะ
แต่สุดท้ายก็เดินออกมาหน้าวัดได้อย่างปลอดภัย โล่งอก

ตอนนั้นก็บ่ายกว่าแล้ว ก็เลยไปหาอะไรกินแล้ว
โดยหารู้ไม่ว่า นั่นคือจุดจบของวันนี้แล้ว 555555555

เริ่มจากไปกินข้าวหน้าปลาไหล
(http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10741197/E10741197.html)
ซึ่งโชคดีมาก ไปเกือบจะเป็นลูกค้าโต๊ะสุดท้ายของรอบเที่ยง
จากนั้นก็เดินออกมาปากซอย แวะกิน Okonomi-yaki
ที่โต๊ะมีตุ๊กตายางใส่กิโมโนนั่งอยู่ด้วยอ่ะ (= =)
ส่วนอาหาร คุณผู้ชายบอก อร่อยมาก เราไม่ได้กิน เพราะอิ่มจากข้าวหน้าปลาไหลอยู่

แล้วก็เดินๆๆๆๆๆๆ ไปกิน IZUJU Sushi ต่อ
ซึ่งเป็นเหมือน sushi กด แล้วชิ้นใหญ่มากกกกกกกกก จุกรอบสอง
(แต่ก็อร่อยสุดๆเลย คุณผู้ชายฟิน อยากกลับไปกินอีก)

จบจาก sushi แล้ว ต่อด้วยชาเขียว ร้านที่เรา request เลย
IPPODO ชาเขียวสามร้อยกว่าปี

และสุดท้ายไปต่อด้วย strawberry tart ชื่อดัง Quil Fait Bon

ถึงตอนนี้แล้วอิ่มจนไม่รู้จะอิ่มยังไง จุกขึ้นมาถึงคอหอยแล้ว
ก็เดินเล่นไปเรื่อย เดินย่อยไป
กลับไป Guesthouse แล้วก็แยกกันกะคุณผู้ชาย
มีเรื่องให้ตื่นเต้นนิดหน่อยคือ ใน guesthouse จะมี wifi ให้ใช้
คุณผู้ชายก็เลยสละ pocket wifi ให้เราถือไว้ (เพราะมันต้อง up อะไรตลอดๆ ฮ่าๆๆๆ)
ปรากฏว่าในส่วนห้องนอนคุณผู้ชาย สัญญาณ wifi มันไปไม่ถึง
ที่รู้เพราะบังเอิญออกมาเจ๊อะกันตอนจะไปอาบน้ำ ก็ถามๆกันนิดนึงว่าอีกฝั่งเป็นไง

พออาบน้ำเสร็จ กลับมาที่ห้องพักผู้หญิง ซึ่งมีสัญญาณ wifi เต็มเปี่ยม
ก็เลยกะว่าเด๋วเอา pocket wifi ไปให้คุณผู้ชายดีกว่า อย่างน้อยก็ line คุยกันได้
กดโทรไป... ไม่ติด กด sms ไป นิ่ง คิดว่าไม่ได้รับแน่นอน เอาไงดีๆๆๆ

ก็เลยตัดสินใจอุกอาจ บุกเข้าไปในห้องผู้ชายเลย!!!!
(ซึ่งก่อนหน้านี้ถาม staff แล้ว staff บอกว่า ผช เข้าห้องส่วนของ ผญ ไม่ได้นะ)
(แต่ ผญ สามารถเข้าห้อง ผช ได้ตามสบาย ฮาาาาา)
โชคดีว่าเราอ่ะจำได้ว่าหมายเลขเตียงคุณผู้ชายคือเลขอะไร จากตอน check-in
(ลักษณะที่นอนเหมือนเป็นแคปซูล มีผ้าม่านปิดไว้)

เราก็เอาเลย ยืนเคาะก๊อกๆๆหน้าห้อง ไม่มีสัญญาณตอบรับ
เปิดประตูแกร่ก... ผงะ 1 ที มีผู้ชายชาวเอเชียถอดเสื้อนั่งอยู่
หันมามองหน้าเราแล้วเค้าก็หน้าเหวอไปนิดนึง เราก็..เอาไงดีวะ
ก็พุ่งตัวเข้าไปเลย พุ่งไปที่เตียงคุณผู้ชาย กระชากผ้าม่าน
(จุดนี้มาคิดว่า ถ้ากรูจำผิดนี่ ทำไงฟร่ะ)
แล้วก็เอา pocket wifi ให้ แล้ววิ่งออกมาเลย ผู้ชายในห้องนั้นคงงงอ่ะ
(มีผู้ชายอยู่ในนั้นประมาณ 4-5 คน แต่มีคนถอดเสื้อแค่คนเดียว หล่อด้วย ฮ่าๆๆๆ)

ก็เป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้นเร้าใจดี เหอ เหอ