Jan 9, 2014

JAPAN2013 - 10th day // The day in Tokyo and meet the long lost friends

**14/04/2013**

ตื่นมาแต่เช้าเพราะโปรแกรมวันนี้ของเราคือ ตลาดปลาซิคิจิ
แต่... ไม่ได้จะไปดูเค้าซื้อขายปลาแต่อย่างใด นั่นมันต้องไปตั้งแต่ตี 5
ทริป 20,000 cals ของเรา คงไม่ต้องการไปดูเค้าขายปลาหรอก ฮ่าๆๆๆ
(ชื่อ trip นี้ได้เพราะโพสรูปของกินลง fb บ่อยมาก จนเพื่อนตั้งให้)

ร้านที่เลือก ก็เลือกจาก review ใน pantip ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นร้านสาขามาจากเซนได
(ก็เนื่องมาจากโพสรูปใน fb แล้วบังเอิ๊ญญ มีรุ่นน้องทำงานที่ Nikon ที่เซนได มา comment บอก
แถมยังแนะนำให้ลองซูชิเนื้อม้าอีกด้วย)
ร้านก็น่าจะดังอยู่นะ แต่จำชื่อและ location ไม่ได้หรอก (แป่ววว)
แถม review นั่นก็หายไปไหนแล้วไม่รุ๊ (- -)
แต่ sushi เค้าเมพจริงๆ (ภาษาวิบัติตะล๊อดดด) ซัดกันไม่ยั้ง 2 คนหมดไปเกือบ 3 พันบาทได้
เทียบกับการกิน sushi ที่กรุงเทพแล้ว ราคานี้ถูกไปเลย









ฟาด Sushi เสร็จแล้ว คุณผู้ชายก็ออกตามหาตรอกไข่หวานต่อเลย
เดินๆๆตามไกด์บุ๊คไปซักพักก็เจอ อิฉันตื่นเต้นมากกกกกกกกกก
เพราะมันอุดมไปด้วยไข่หวาน เหลืองงงไปทั้งตรอกเลย




กินเสร็จ ฟินทุกเมนู แล้ว ก็ถึงเวลาเดินย่อย
มุ่งสู่สถานที่ท่องเที่ยวที่เหมือนเป็น Landmark ของคนที่มาเที่ยวโตเกียว
วัดอาซาคุซะนั่นเองงงงงงงง
แล้วบังเอิญว่าวันนี้มันวันเสาร์ คนเยอะไปไหน นี่แถบจะไหล่ไปเลย ไม่ต้องเดิน







ตาม Step ต้องต่อด้วยตึกอุนจิ เอ๊ย ฟองเบียร์ อาซาฮี
แล้วตามด้วย Tokyo Tower






ถึงตรงนี้ก็ได้เวลากลับไปที่ Shinjuku Station เพื่อไปเจอฮารุกะและโคเฮ
เพื่อนสมัยเรียนภาษาที่ออสเตรเลีย
ถึงตอนนั้นจะเรียนด้วยกันแค่ 3 เดือน (โคเฮก็แค่เดือนกว่าๆเท่านั้น)
แต่มิตรภาพก็ยังไม่ขาดหายไปไหน ฮารุกะก็มาเที่ยวกรุงเทพทีนึง
ส่วนโคเฮเรียกว่าสมัยใหม่ๆนี่เกือบทุกปี (เพราะฮีมีแฟนเป็นคนไทย รุ่นพี่ดิฉันเอง)
แต่หลังๆนี่ก็ไม่ได้มากันละ เราเลยต้องมาเอง (เอ่อ..มันใช่มั๊ยฮะ)



เม้าท์ๆเรื่องที่ทำงานกันเล็กน้อย ฮารุกะทำอยู่แบงค์มิตซูบิชิ (ไอ่บริษัทนี่มันเจ้าของประเทศรึป่าวเนี่ย!!)
แอบบ่นว่าตัวเองก็ไปเรียนภาษามาแค่ปีเดียว ซึ่งมันก็นานมาแล้วนะ
แต่ทำไมทุกคนต้องคาดหวังว่าเธอจะต้องพูดภาษาอังกฤษเก่งด้วยหึ๊
ส่งเธอไปทำงานพูดคุยกับคนต่างชาติ เธอก็ได้แต่ยิ้มๆ yes no ok ก็เท่านั้น!!!
ฮ่าๆๆ อันนี้ขำๆ ส่วนตัวเราก็เก็บภาษาเข้าหีบไปบ้างละ ก็แหงอ่ะ ไม่ได้พูดทุกวันหนิ

กินๆเม้าท์ๆแล้วฮารุกะก็พาไปชมวิวบนตึก...เอ่อ...นั่นแหละ แหะๆ
บอกกงๆเลยว่าตามแพลนคือ มาเจอแล้ว แล้วก็จบ หวังพึ่งเพื่อน พาไปไหนชั้นก็ไปหมด
ก็เลยเดิมจ่ำตามอย่างเดียวเอง จ่ำจริงๆเพราะเค้าเดินกันเร็วมาก
ระหว่างเดินไป ฮารุกะก็อาโนๆ update ชีวิตกับโคเฮไป (คือถ้าเราไม่มา สองคนนี้ก็คงไม่ได้มาเจอกัน)
เสร็จปุ๊บ ชีก็ทานสเลท(แหวะ) ม่ายๆ translate มาเม้าท์ให้เราฟังต่อ ตามประสาชะนี
คือจริงๆโคเฮเล่าเองก็ได้นะ แต่มันคงไม่ได้อรรถรสเท่าชะนีคุยกันค่ะ!!! 5555






จากนั้นก็แยกย้ายกันไปตามประสาคนมีธุระ ฮากุระถามว่าจะไปไหนกันต่อ
คุณผู้ชายก็ตอบทันทีว่า จะไป Shimokitazawa
โคเฮขมวดคิ้วทันที ถามว่าที่นั่นมันมีอัลไล!!!???
ฮารุกะถึงกะอึ้ง ตอบไปว่า มันก้อมีอะไรตั้งเยอะนะ ชั้นไปบ่อยยยยย
ต้องเข้าใจนิดนึงนะว่าฮารุกะสมัยเรียนที่แต่งตัวแนวมาก คงไม่แปลกถ้าจะมาที่นี่บ่อย
แต่โคเฮเป็นประเภทแบรนด์แนมตัวจรดเท้า เนี๊ยบมาก
ฮีเลยม่ายยยเข้าาาจายยยวายยยรุ่นนนนนนอย่างงงเราาาาาา

แยกกะโคเฮที่ Shinjuku แล้วก็ขึ้นรถไฟมาพร้อมกะฮารุกะเพราะเป็นทางกลับบ้านเธอ



แวะช็อปนิดหน่อย เพราะเจอร้านขายของที่นี่ ขาย Perfect Whip หลอดใหญ่ถูกมาก
ตอนกำลังจะกลับ ฮารุกะ Line มาแนะนำว่าให้ลองมานั่งรถเที่ยวรอบเมืองดู




สนุกมั๊ย ก็สนุกดี ก็วนๆให้เห็นว่าแต่ละที่มีอะไรบ้าง แต่มันไม่ดีตรงคนบรรยายภาษาจีนฮะ
เล่นมุขหัวเราะอะไรกัน อิฉันไม่ขำซักแอะ เพราะฟังไม่ออก (= =)

เดินเที่ยวถ่ายรูปแถวๆ Tokyo Station แล้วก็กลับมากิน Sushi หน้าอลังกันต่อ แถว Ueno
แล้วก็กลับห้องนอนหลับฟินไป พรุ่งนี้จะไปหาฟูจิซังกัน









1 comment:

  1. พีค่ะ ร้านซูชิร้านสุดท้ายอยู่ไหนคะนี้ หน้าอย่างเยอะเลยอลังการมากค่ะ

    ReplyDelete